ผ่าประวัติศาสตร์ดาบซามูไร: คาตานะ
ดาบคาตานะเป็นดาบญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงที่สุดตลอดกาล
อาวุธที่ดูน่าเกรงขามชนิดนี้ ไม่ได้เพียงแต่ดูสง่างามในยามกวัดแกว่งเท่านั้น แต่ยังมีประวัติความเป็นมาอย่างยาวนานแฝงอยู่ในโค้งดาบอันงดงาม
คาตานะเป็นดาบชนิดหนึ่งที่ใช้กันในสมัยโบราณของประเทศญี่ปุ่น
มีลักษณะที่สะดุดตา คือ มีความโค้งเล็กน้อยและมีด้านคมด้านเดียว
มีกำบังรูปโค้งหรือสี่เหลี่ยม และด้ามจับที่มีลายแบบเดียวกันสำหรับถือด้วยสองมือ
เป็นดาบที่จะคาดอยู่ที่เอวของเหล่านักรบซามูไรในอดีต ความเป็นมา
การผลิตดาบมีมาหลายศตวรรษแล้วในประเทศญี่ปุ่น
แบ่งได้เป็นยุคต่าง ๆ คือ จูโคะโตะ (Joukoto) (ประมาณ ค.ศ. 900 ), โคะโตะ
(Koto) (ค.ศ. 900-1596), ชินโตะ (Shinto)
(ค.ศ. 1596-1764), ชินชินโตะ (Shinshinto)
(ค.ศ.1764-1876), เก็นไดโตะ (Gendaito)
(ค.ศ. 1876-1945) และชินซาคุโตะ (Shinsakuto)
(ค.ศ. 1953 ถึงปัจจุบัน) ลักษณะของดาบคาตานะ
ดาบชนิดใหม่นี้
ทำให้รูปแบบการต่อสู้เปลี่ยนไปด้วย
โดยนักรบที่ใช้ดาบคาตานะจะสามารถชักดาบและฟันได้ในการเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียว
ทำให้การต่อสู้เป็นไปอย่างรวดเร็วและขึ้นอยู่กับการเคลื่อนไหวแรกเป็นหลัก
ช่างตีดาบจะต้องทราบถึงรูปแบบการต่อสู้เพื่อที่จะผลิตดาบออกมาได้อย่างเหมาะสมกับการใช้งาน
ความยาวของดาบคาตานะในสมัยศตวรรษที่ 16 อยู่ในช่วงประมาณ 70-73 ซม.
โดยมีการเปลี่ยนแปลงให้สั้นลงไปจนถึง 60 ซม. ก่อนที่ในอีก 100
ปีต่อมาจะกลับไปอยู่ที่ความยาวเดิม
ดาบคาตานะสามารถใช้คู่กับดาบขนาดเล็กกว่าได้
เช่น “วากิซาชิ” (“wakizashi”) หรือ “ตันโตะ” (“tantō”) การพกดาบคู่สั้นยาวนี้เรียกว่า
“ไดโช” (“daishō”) ซึ่งเป็นเครื่องบ่งบอกถึงอำนาจและชนชั้นทางสังคมของซามูไร
ประวัติศาสตร์ของดาบคาตานะ
ในสมัยเมจิ
ดาบคาตานะลดความสำคัญลงไปพร้อม ๆ กับสถานะและการเปลี่ยนผ่านยุคสมัยของซามูไร
จนกระทั่งไม่มีการใช้ดาบชนิดนี้และแทบจะสูญหายไป
เพราะมีกฎหมายการห้ามพกอาวุธในที่สาธารณะ จนกระทั่งถึงสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็มีเฉพาะคนในกองทัพเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติให้พกดาบได้
อย่างไรก็ตาม
การผลิตดาบจะอยู่ในรูปแบบอุตสาหกรรมที่ลดคุณภาพลงและมีลักษณะแตกต่างออกไป
เมื่อเวลาผ่านเลยไปความรู้เกี่ยวกับการตีดาบก็ค่อย ๆ เลือนหายไป
หลังจากมีการห้ามผลิตดาบในช่วงปี
ค.ศ. 1945 ถึง
1953 บรรดาช่างตีดาบได้รับอนุญาตให้ทำงานภายใต้กฎที่เข้มงวด
แม้แต่ในปัจจุบันช่างเหล่านี้ก็ต้องผ่านการฝึกงานเป็นระยะเวลา 5 ปี และสามารถตีดาบยาวได้เพียงแค่ 2 เล่มต่อเดือน
และดาบทุกเล่มจะต้องได้รับการลงทะเบียนจากรัฐบาล
ในปัจจุบัน
ดาบคาตานะส่วนมากทำขึ้นในรูปแบบอุตสาหกรรมด้วยวัสดุและวิธีการที่ถูกลง
ดาบคาตานะแบบดั้งเดิมจึงกลายเป็นของหายากและมีราคาแพง
ซึ่งเป็นที่นิยมของเหล่านักสะสมทั่วโลก
ขอบคุณข้อมูลจาก jpninfo
http://jpninfo.com/thai/6331
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น